งานวิจัย ดนตรี : ความเร็วของจังหวะเพลง กับ อัตราการเต้นของหัวใจ

Groove หรือ รูปแบบร่องรอยของจังหวะดนตรี มีอยู่ในหัวใจของทุกคน : งานวิจัยสถิติการจับคู่เปรียบเทียบระหว่าง อัตราจังหวะเพลงต่อนาที ( Tempo , Beat ) กับ อัตราการเต้นของหัวใจ ( Heartrate )  
จากเพลงฮิตของโลกรวบรวมโดย เวบ Spotify.com 

1 พ.ย. 2559



[อัตราการเต้นของหัวใจคนปกติ อยู่ที่ 60-100 ครั้ง ต่อ นาที -> ภาพ/ข้อมูล ->https://www.lifespanfitness.com/fitness/resources/articles/your-resting-heart-rate-what-is-normal-and-healthy ] 

บทความ โดย : Rob Mitchum


แปล/ถอดความ : ฝ้าย อรวรรยา (www.FineOrawanya.blogspot.com)


 #FineOrawanya #ฝ้ายอรวรรยา
ข้อมูลด้านล่างต่อไปนี้  เป็นส่วนหนึ่งของการแสดงข้อมูลของเรา ตรวจสอบเพิ่มเติมได้ที่ www.spotify.com/clarify

ศักยภาพในการเชื่อมโยงจังหวะระหว่างสุขภาพหัวใจของเราและเพลงที่เราฟังเป็นเรื่องที่มีการวิจัยจำนวนมาก  โดยนักวิทยาศาสตร์มองว่าเพลงมีเทมโพ (อัตราความช้า-เร็ว ของเพลงที่วัดเป็นจำนวนครั้ง/นาที) ต่างๆ  ล้วนแต่มีผลต่อการออกกำลังกาย , ความวิตกกังวล , การฟื้นตัวหลังผ่าตัด และผลลัพธ์อื่น ๆ อีกมากมาย  สำหรับหัวข้อการดูแลสุขภาพในสัปดาห์นี้เราได้นำผลการศึกษาบางส่วนมาใช้กับข้อมูลเพลงสตรีมยอดนิยม 10,000 รายการจาก เวบ Spotify  ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงกันยายน 2559 โดยมองหาสถานที่ที่พฤติกรรมการฟังของชาวอเมริกันกับวิทยาศาสตร์ด้านสุขภาพและจังหวะ  ผลการวิจัยพบว่าจังหวะของเพลงยอดนิยมสะท้อนให้เห็นถึงจังหวะทางชีววิทยาที่นักวิทยาศาสตร์ระบุว่ามีความสำคัญต่อการออกกำลังกายและผ่อนคลาย

อัตราการเต้นของหัวใจขณะพักอาจแตกต่างกันอย่างมากระหว่างบุคคลซึ่งได้รับอิทธิพลจากระดับความฟิตของร่างกาย , พันธุกรรม , ยา , อารมณ์ความรู้สึก หรือ แม้แต่ อุณหภูมิของอากาศ . แหล่งข้อมูลทางการแพทย์มักบอกว่าอัตราการเต้นของหัวใจ 60 ถึง 100 ครั้งต่อนาทีเป็นช่วงที่มีสุขภาพดีสำหรับการพักผ่อน  โดยนักกีฬาที่เล่นกีฬาสม่ำเสมอเทมโพจะมีอัตราที่ต่ำกว่านั้น . ส่วนอัตราการเต้นของหัวใจที่สูงกว่าตัวเลขดังกล่าวมักบ่งบอกถึงปัญหาหัวใจที่อาจเกิดขึ้น ในขณะที่อัตราการเต้นของหัวใจสูงสุดมีแนวโน้มที่จะอยู่ในระดับสูงสุดที่ 200 ในคนหนุ่มสาวและลดลงตามอายุ

คาดเดาได้ไม่ยากเลยว่า . มนุษย์เราทุกคนมี “ จังหวะที่ตัวเองต้องการ”
โดยบังเอิญหรือไม่ก็ตาม  เพลงส่วนใหญ่ก็อยู่ในช่วง 60 และ 200 ครั้งต่อนาที อย่างไรก็ตามเมื่อคุณทำกราฟความถี่ของ bpms [ Beat per Minute = อัตราความเร็วเป็นจำนวนครั้งต่อนาที ] สำหรับเพลงสตรีมยอดนิยม 10,000 เพลงเทมโพที่พบบ่อยที่สุดไม่ได้อยู่ในโซนอัตราการเต้นของหัวใจเมื่อคุณคาดหวังว่าคนส่วนใหญ่กำลังฟังเพลง  แต่มักจะสูงกว่าเล็กน้อยระหว่าง 120 ถึง 130 bpm .


แผนภูมิ อัตราความเร้ว BPM. ใน 10,000 เพลงฮิต
ปลายด้านบนของ แผนภูมิ จะเห็น โซน "พักผ่อน" โซน 60 ถึง 100 แสดงให้เห็นถึงการขัดแย้งนี้ได้ดี  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 90-100 แต่เพลงที่มากขึ้นระหว่าง 120 และ 130 bpm ช่วงที่รวมฮิตฮิตเช่น Calvin Harris และ Rihanna ของ "This is what you came for" (124 bpm), Galantis '" No Money " (126), Nick Jonas' " Close ” (124) และ“ 7 Years ” ของ Lukas Graham (120)

มันเกิดขึ้นที่นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบจุดที่น่าสนใจนี้สำหรับความเร็วในการเต้นรำ( Dance )ต่อนาที จากการศึกษาในปี 2545 พบว่าผู้คนมี “ จังหวะที่ตัวเองต้องการ” ในช่วง 120-190 bpm เดียวกันนี้ซึ่งสอดคล้องกับความเร็วการเดินโดยเฉลี่ย และ แม้แต่จังหวะการปรบมือของฝูงชน โครงการของบราซิลซึ่งดูประวัติของเพลงในชาร์ต Billboard และภายใน Million Data Dataset พบว่ามีการรวมกลุ่มของเพลงยอดนิยมเฉลี่ยส่วนมากประมาณ 120 bpm

การวิจัยนี้ยังได้เพิ่มการดูที่ความสัมพันธ์ระหว่างดนตรีและการออกกำลังกาย - ทำให้เห็นการเชื่อมโยงที่ชัดเจนขึ้น  จากจำนวนของคนที่สวมใส่หูฟังในโรงยิม .  ไม่แปลกใจที่การศึกษาส่วนใหญ่พบว่าคนเลือกที่จะฟังเพลงจังหวะที่มีอัตราความเร็วสูงขึ้นในขณะออกกำลังกายและชอบแนวเพลงที่มีความเข้มสูง เช่น ฮิปฮอป , ร็อค และ ป๊อป


เพลย์ลิสต์สำหรับการออกแรงสูงสุด และ Drake (อาจหมายถึง เพลงสำหรับผู้ชาย หรือ ชื่อศิลปิน Drake) อย่างแน่นอนชัดเจน 
.การใช้คิวจากโซนอัตราการเต้นของหัวใจโดยใช้เครื่องติดตามการออกกำลังกายและเครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจเพื่อเป็นแนวทางในการออกกำลังกายเรามองหาเพลงที่ได้รับความนิยมสูงสุดในแต่ละขั้นตั้งแต่กิจกรรมที่เบามากไปจนถึงการออกแรงสูงสุด ชายหรือหญิงอายุ 30 ปีโดยเฉลี่ยมีอัตราการเต้นของหัวใจสูงสุด 190 bpm ซึ่งหมายความว่าโซนอัตราการออกกำลังกายเพิ่มขึ้นจาก “ เบามาก” (95–114),“ เบา” (114–133), “ ปานกลาง ” (133–152) “ หนัก ” (152–171) ถึง “ หนักสูงสุด” (171–190)
ขึ้นอยู่กับเป้าหมายการออกกำลังกายของผู้คนแต่ละคนนั่นเอง / ต่อไปนี้คือ ตัวอย่างง่าย ๆ -> สามารถอุ่นเครื่องกับ จัสติน ทิมเบอร์เลค ในเพลง “ Can't stop feeling ” (113 bpm) เผาผลาญไขมันให้กับ Drake และ “ Too Good ” ของ Rihanna (118) ปรับปรุงสมรรถภาพทางกายแบบแอโรบิคด้วย Zara Larsson เพลง “ Never Forget You” (146) เพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดด้วย “ Don't Mind” ของ Kent Jones (159) และ ทำช่วงความเข้มสูง (ออกแรงสูงสุด) สองสามนาทีกับเพลง “ Walk Me to Sleep” ของ Alan Walker (176)

[คุณสามารถสร้างเพลย์ลิสต์ได้จากเพลง Drake โดยดูจากแผนภูมินี้]

คุณสามารถป้อนอัตราการเต้นของหัวใจสูงสุดของคุณเองได้ที่นี่และดูเพลง 20 อันดับแรกของแต่ละโซนการออกกำลังกายที่ปรับตามจังหวะตามธรรมชาติของคุณเอง หนึ่งเพลย์ลิสต์ดังกล่าวสำหรับการออกกำลังกายเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงที่สร้าง bpm ผ่านทั้ง 5 โซนแล้วทำให้เย็นลง ( วอร์มดาวน์ - หรือ การวอร์มเบาก่อนจบการออกกำลังกาย) สามารถดูได้ที่ด้านล่าง


กด ที่ ภาพ ... เพื่อฟังตัวอย่างเพลง 

แต่ผลของดนตรีที่มีต่ออัตราการเต้นของหัวใจยังสามารถไปได้อีกทางหนึ่งซึ่งช่วยผ่อนคลายและทำสมาธิโดยการลดอัตราการเต้นของหัวใจ บทความทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับความสัมพันธ์นี้เป็นตัวแยกวิเคราะห์จำนวนมาก และ มีแนวโน้มที่จะเป็น psuedoscience * (งานที่ไม่ได้ใช้กระบวนการแบบวิทยาศาสตร์)แบบองค์รวม.  แต่อย่างน้อยสองแหล่งที่เชื่อถือได้พบว่าเพลงที่มีอัตราจังหวะช้าลง
(โดยเฉพาะดนตรีคลาสสิกและอินเดียน ) มีผลต่อทั้งความคิดและจิตใจ
[ * จากคำแปลของ psuedoscience บางคนให้ความหมายที่ค่อนข้างลวงๆแรงๆค่ะ  . แต่ครูฝ้ายมองโดยบริบทแล้วมันไม่ได้แรงขนาดนั้นค่ะ  อีกอย่างหนึ่งมีแนวการวิจัยหลายประเภทมีความแตกต่างหลากหลาย  ซึ่งอาจจะไม่ได้ใช้แค่กระบวนการวิทยาศาสตร์ก็สามารถหาคำตอบได้ค่ะ  เช่น การวิจัยความชอบสินค้าบางอย่างจะใช้วิธีแบบเก็บสถิติที่มากพอ  ก็ได้คำตอบที่ดีได้ เป็นต้น ค่ะ . ]

หากคุณกำลังมองหาที่จะหยุดเล่น(วอร์มเบา,รีแล็กส์)แทนที่จะเหนื่อยเหงื่อท่วม  เพลย์ลิสต์นี้สามารถช่วยให้คุณมีจังหวะเพลงเบา ๆ จากเพลงยอดนิยมที่มี bpm ต่ำกว่าอัตราการเต้นของหัวใจสูงสุด 50% สำหรับคนทั่วไปของเรา.  คุณสามารถสร้างลิสต์ของคุณเองจาก 100 อันดับเพลงดังภาพด้านล่าง


คลิก ที่ ภาพ ... เพื่อฟังตัวอย่างเพลง



The Top 100 songs below 90 bpm streamed between May and September 2016 on Spotify. Click for larger version. Graphic: Diego Garcia-Olano. Data: Spotify.

เพลงฮิตในช่วงกลมกล่อม ( รีแล็กส์ เบาๆ ) ได้แก่ “ The Ocean” (90 bpm) ของ Mike Perry, Shawn Mendes “ Treat You Better” (83), และ Twenty One Pilots “ Ride” (75), ลงไปจนถึง บัลลาด ช้า ๆ เช่น Adele's เพลง “ One and only” (52) และ Ruth B’ เพลง “Superficial Love  (43.5) คุณยังสามารถใช้จังหวะที่ช้าลงไปจนถึงจังหวะการเต้นต่อนาทีที่ช้าลงถึงระดับศูนย์ครั้งต่อนาที เช่น "Sleep Rain" และ "Clean White Noise" [ ถ้าค้นในเน็ต  ประเภทนี้จะเป็นเพลงสำหรับกล่อมนอน , ฝึกโยคะ หรือ นั่งสมาธิ นะคะ.  ห้ามเปิดเวลาขับรถ หรือ ทำอะไรที่ต้องใช้สติ . ] แต่ถ้าอยากรู้ว่าหัวใจคุณเต้นได้ดีกับจังหวะดนตรี แบบใด ? ... อาจปรึกษาแพทย์ของคุณก่อนได้ 

[ อัตราการเต้นของหัวใจคนแต่ละคนนั้นไม่เท่ากันค่ะ  ต่างปัจจัยไปตามช่วงวัย , ความฟิตของร่างกาย , พันธุกรรม และอื่นๆ . เพราะฉะนั้นสามารถให้แพทย์ทำการวัด หรือ ใช้เครื่องวัดชีพจรเราก็จะสามารถทราบอัตราการเต้นของหัวใจเราว่าอยู่ในความเร็วประมาณเท่าใด . เพื่อเราจะสามารถเลือกฟังเพลงให้เหมาะกับอัตราการเต้นของหัวใจตัวเองได้ค่ะ ]

นักดนตรีเพียงไม่กี่คน  ที่ได้อ้างว่ามีการปรับจังหวะ
โดยเฉพาะเพื่อโน้มน้าวใจเชิงสรีรวิทยาของผู้ฟัง. เนื่องจากกิจกรรมมากมายที่เราชอบประกอบกับดนตรีไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย, ผ่อนคลาย, เต้นรำ, เดิน, ทำงานบ้านและอื่น ๆ - เป็นจังหวะในธรรมชาติดนตรีจึงไม่สามารถช่วยได้. ขนาดความเข้มข้น และมีอิทธิพลต่อการกระทำเหล่านั้นในลักษณะทางอ้อม .  แต่เมื่อเราพูดถึงเพลงที่สัมผัสถึงหัวใจของเรานั้นอาจไม่ไกลความจริงนัก . ( ง่าย ๆ คือ ถ้าเราเปิดเพลงที่โดนใจ - หรือ ที่เราชอบ  เปิดประกอบในการทำกิจกรรม ใดๆ จะช่วยให้เรามีความสุขอยู่กับการทำกิจกรรมนั้นๆได้มากขึ้นค่ะ .  )