ศึกษาวิจัยสมองของคนที่กำลังมี"ความรัก" ( เฮเลน ฟิชเชอร์ )

เฮเลนฟิชเชอร์·นักมานุษยวิทยาผู้เชี่ยวชาญเรื่องความรัก. Helen Fisher ศึกษาความแตกต่างทางเพศและวิวัฒนาการของอารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์. เธอเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในฐานะผู้เชี่ยวชาญเรื่องความรักโรแมนติก.

ทำไมเราถึงโหยหาความรักมาก ถึงขนาดที่เรายอมตายเพื่อความรักได้ เฮเลน ฟิชเชอร์และทีมวิจัยของเธอนำคนที่กำลังมีความรัก กับคนที่เพิ่งอกหักเข้าเครื่องสแกนสมองเอ็มอาร์ไอ เพื่อเรียนรู้ให้ถึงแก่นแท้เกี่ยวกับความต้องการทางกายภาพของรักโรแมนติค.


ฉันและเพื่อนร่วมงาน อาร์ต แอรอน และ ลูซี่ บราวน์ กับคนอื่นๆ ได้นำคนที่กำลังมีความรักอย่างบ้าคลั่ง 37 คน เข้าเครื่องสแกนสมองเอ็มอาร์ไอ (MRI) 17 คนมีความสุขกับความรัก อีก 15 คนเพิ่งถูกทิ้ง และเราก็เพิ่งเริ่มการทดลองครั้งที่สาม คือศึกษากลุ่มคนที่บอกว่าพวกเขายังคงอยู่ในห้วงรัก หลังจากแต่งงานมาแล้ว 10 ถึง 25 ปี ต่อไปนี้ก็คือเรื่องเล่าสั้นๆ ของงานวิจัยนั้น


00:23
ในป่าของประเทศกัวเตมาลา ที่เมืองโบราณตีกัล มีวิหารหนึ่ง ถูกสร้างขึ้นโดย ซัน คิง ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด แห่งเมืองที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ของอารยธรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอเมริกา อารยธรรมมายา ชื่อของเขาคือ จาซอว์ ชาน คาวีล เขาสูงกว่าหกฟุต เขาใช้ชีวิตจนอายุขัยได้กว่า 80 ปี ร่างของเขาถูกฝังไว้ใต้อนุสรณ์สถานแห่งนี้ ในปี ค.ศ. 720 ในจารึกของชาวมายันได้ประกาศไว้ว่า เขามีความรักอย่างลึกซึ้งต่อภรรยา เขาจึงสร้างวิหารขึ้นหลังหนึ่งเพื่อเป็นเกียรติแก่เธอ โดยให้หันหน้าเข้าหาวิหารของเขา และทุกๆ ฤดูใบไม้ผลิ และฤดูใบไม้ร่วง ในวันที่กลางวันและกลางคืนยาวเท่ากัน ดวงอาทิตย์จะขึ้นจากทางด้านหลังวิหารของเขา ทำให้เงาจากวิหารของเขา ปกคลุมวิหารของเธอได้อย่างลงตัว และช่วงที่ดวงอาทิตย์ตก ทางด้านหลังวิหารของเธอในยามบ่าย เงาจากวิหารของเธอก็ปกคลุมวิหารของเขาได้อย่างสมบูรณ์ เวลาผ่านไปกว่า 1,300 ปี คู่รักคู่นี้ ยังคงสัมผัสและจุมพิตกันจากหลุมศพของพวกเขา


01:23
รอบโลกใบนี้ ผู้คนต่างมีความรัก พวกเขาร้องเพลงเพื่อความรัก เต้นเพื่อความรัก พวกเขาแต่งกลอน และเรื่องราวเกี่ยวกับความรัก พวกเขาเล่าเรื่องปรัมปราและตำนานเกี่ยวกับความรัก พวกเขาเศร้าโศกเพราะความรัก มีชีวิตอยู่เพื่อความรัก พวกเขาฆ่าเพื่อความรัก และยอมตายเพื่อความรัก ดังที่วอลท์ วิทแมน เคยกล่าวไว้ครั้งหนึ่ง เขากล่าวว่า "ฉันจะเดิมพันด้วยทุกอย่างเพื่อเธอ" นักมานุษยวิทยาได้ค้นพบหลักฐาน เกี่ยวกับรักโรแมนติคใน 170 กลุ่มสังคม พวกเขาไม่เคยพบกลุ่มสังคมใดที่ไม่มีหลักฐานประเภทนั้น


01:53
แต่ความรักก็ไม่ใช่ประสบการณ์ที่แสนสุขเสมอไป มีการค้นคว้าของกลุ่มนักศึกษากลุ่มหนึ่ง พวกเขาตั้งคำถามมากมายเกี่ยวกับความรัก แต่สองคำถามที่น่าสนใจที่สุดสำหรับฉันคือ "คุณเคยถูกปฏิเสธโดยคนที่คุณรักอย่างจริงจังหรือไม่" และคำถามที่สองคือ "คุณเคยทิ้งคนที่รักคุณอย่างจริงจังหรือไม่" และเกือบ 95 เปอร์เซ็นต์ของทั้งชายและหญิง ตอบว่า เคย ทั้งสองคำถาม เกือบจะไม่มีใครมีชีวิตรอดพ้นจากความรัก


02:22
ก่อนที่ฉันจะเริ่มเล่าเกี่ยวกับสมองให้คุณฟัง ฉันอยากจะอ่าน บทกลอนที่ฉันคิดว่าเป็นกลอนความรักที่มีพลังที่สุดในโลก แน่นอนว่ามีกลอนบทอื่นๆ ที่ดีพอๆ กันอยู่แล้ว แต่ฉันไม่คิดว่าจะมีกลอนบทไหนที่โดดเด่นกว่ากลอนบทนี้ มันได้รับการถ่ายทอดโดยชาวอินเดียนควาคิยุล์ทนิรนาม แห่งอลาสก้าตอนใต้ ให้กับมิชชันนารีคนหนึ่ง ในปี 1896 และนี่ก็คือกลอนที่ว่า ฉันไม่เคยได้มีโอกาสเอ่ยกลอนบทนี้มาก่อนเลย "เปลวไฟแผ่ไปทั่วร่าง จากความเจ็บปวดเพราะรักเธอ ความเจ็บปวดแผ่ไปทั่วร่าง จากไฟรักที่มอบให้เธอ เจ็บปวดดังจุดเดือดจวนระเบิด เพราะรักที่ฉันมีต่อเธอ ถูกกลืนกินด้วยไฟรักที่มีไว้เพื่อเธอ ฉันจดจำสิ่งที่เธอเคยบอก ฉันคิดถึงความรักที่เธอเคยมอบ ฉันใจสลายเพราะรักที่เธอเคยให้ ความเจ็บปวดที่ถาโถม เธอจะพารักของฉันไปแห่งใด มีใครบอกฉันว่าเธอจะไปจากที่นี่ มีคนบอกฉันว่าเธอจะทิ้งฉันไว้ ร่างกายฉันมันชาเพราะความโศกเศร้า โปรดจดจำสิ่งที่ฉันบอกเถิดที่รัก ลาก่อน ที่รัก ลาก่อน" เอมิลี ดิกคินสัน เคยเขียนไว้ว่า "การพรากจากกันก็เพียงพอแล้วสำหรับเรา ที่จะต้องรู้เกี่ยวกับนรก" มีกี่คนที่ต้องทนทุกข์ ในตลอดหลายล้านปีของวิวัฒนาการมนุษย์ มีกี่คนบนโลกใบนี้ ที่กำลังกระโดดโลดเต้นด้วยความสุข ณ วินาทีนี้ รักโรแมนติคเป็นความรู้สึกที่มีอิทธิพลที่สุดในโลกใบนี้


03:47
ดังนั้น หลายปีที่แล้ว ฉันจึงตัดสินใจสำรวจดูสมอง และศึกษาความคลั่งไคล้นี้ งานชิ้นแรกของเราที่ศึกษาคนที่มีความสุขกับความรัก ได้รับการเผยแพร่ไปอย่างกว้างขวาง ฉันก็เลยจะขอพูดถึงแค่เพียงนิดเดียว เราได้พบกิจกรรมบางอย่าง ในส่วนที่เล็กมากๆ ใกล้กับฐานสมอง เรียกว่า เวนทราล เทกเมนทัล แอเรีย (Ventral Tegmental Area) เราพบกิจกรรมในเซลล์บางกลุ่ม ที่เรียกว่าเซลล์เอเท็น (A10) ซึ่งจริงๆ แล้ว เป็นเซลล์ที่ผลิตโดปามีน สารกระตุ้นธรรมชาติ และฉีดพ่นไปยังหลายๆ ส่วนของสมอง วีทีเอ เป็นส่วนหนึ่งของระบบการให้รางวัลของสมอง มันอยู่ลึกกว่ากระบวนการคิดอย่างมีเหตุมีผลไปมาก อยู่ลึกกว่าอารมณ์ต่างๆ ของคุณ มันเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่เราเรียกว่า เรปทิเลียนคอร์ ของสมอง เกี่ยวข้องกับความต้องการ แรงจูงใจ การมุ่งความสนใจ และความอยาก อันที่จริง เป็นสมองส่วนเดียวกับที่เราพบกิจกรรม ที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกับตอนที่คุณรู้สึกพลุ่งพล่านจากโคเคน


04:39
แต่รักโรแมนติคมีอะไรที่มากกว่าการเมาโคเคน อย่างน้อยคุณยังสร่างเมาจากโคเคนได้ รักโรแมนติคเป็นความหมกมุ่น มันครอบงำคุณ คุณสูญเสียความเป็นตัวเอง คุณไม่สามารถหยุดคิดถึงเกี่ยวกับมนุษย์อีกคนได้ ใครบางคนมาตั้งแคมป์อยู่ในหัวของคุณ ตามที่กวีชาวญี่ปุ่นในศตวรรษที่แปด กล่าวไว้ว่า "ความปรารถนาของฉันไม่มีเวลาสิ้นสุด" ความดุเดือดคือความรัก และการถูกครอบงำก็ยิ่งเลวร้ายขึ้นเมื่อคุณถูกปฏิเสธ


05:07
พอมาถึงตอนนี้ ลูซี บราวน์ กับฉัน นักประสาทวิทยาของโปรเจคนี้ ก็กำลังศึกษาข้อมูลของผู้คน ที่ถูกส่งเข้าเครื่องสแกนหลังจากที่พวกเขาเพิ่งถูกทิ้ง ที่จริงแล้วมันค่อนข้างยาก ที่จะส่งคนพวกนี้เข้าเครื่องสแกน เพราะพวกเขาหมดสภาพมาก (เสียงหัวเราะ) อย่างไรก็ตาม เราได้พบกิจกรรมในสมองสามส่วน เราพบกิจกรรมในส่วนสมอง ที่เป็นส่วนเดียวกัน กับส่วนที่เกี่ยวข้องกับรักโรแมนติค เป็นเรื่องที่แย่จริงๆ คุณก็รู้ดีว่า ตอนที่คุณถูกทิ้ง สิ่งเดียวที่คุณอยากทำก็คือลืมๆ มนุษย์คนนั้นไปซะ แล้วก็ดำเนินชีวิตของคุณต่อ แต่มันไม่ใช่ คุณกลับยิ่งรักเขามากขึ้น ตามที่ เทเรนซ์ กวีของโรมัน ได้เคยกล่าวไว้ว่า "ความหวังยิ่งน้อย ความรักยิ่งรุ่มร้อน" แล้วก็จริงๆ ด้วย ตอนนี้เรารู้แล้วว่าทำไม สองพันปีต่อมา เราสามารถอธิบายเรื่องนี้ได้จากในสมอง ระบบสมองระบบนั้น ระบบการให้รางวัล สำหรับความต้องการ แรงจูงใจ ความอยาก และการมุ่งความสนใจ ยิ่งมีการทำงานมากขึ้น ถ้าคุณไม่ได้สิ่งที่ต้องการ ซึ่งในกรณีนี้ เป็นรางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของชีวิต คือคู่ร่วมสืบพันธุ์ที่เหมาะสม


06:14
เรายังพบกิจกรรมในส่วนอื่นๆ ของสมองด้วย คือสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับการคำนวณ การได้และการสูญเสีย นึกดูว่า ตอนที่คุณนอนตรงนั้น มองดูรูปภาพไปด้วย และคุณกำลังอยู่ในเครื่องสแกน และคุณก็คิดคำนวณว่ามันผิดพลาดตรงไหน ฉันสูญเสียอะไรไปได้อย่างไร อันที่จริงแล้ว ลูซีกับฉัน มีเรื่องเล่าขำขันเล็กน้อยเกี่ยวกับประเด็นนี้ มันมาจากละครของเดวิด มาเม็ท ในละคร มีนักต้มตุ๋นสองคน ผู้หญิงก็กำลังต้มผู้ชาย ผู้ชายมองผู้หญิงแล้วพูดว่า "เธอมันก็ม้าแย่ๆ ตัวนึง ฉันจะไม่พนันข้างเธอหรอก" แล้วก็จริงๆ มันคือส่วนนี้ของสมอง ส่วนแกนของ นิวเคลียส แอคคัมเบนส์ ที่มีการทำงาน ในขณะที่คุณกำลังประเมินส่วนได้ส่วนเสีย มันยังเป็นสมองส่วนที่ทำงาน ขณะที่คุณตั้งใจจะลงทุนเสี่ยงครั้งใหญ่ ที่จะมีกำไร หรือขาดทุนมหาศาล


07:03
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด เรายังพบกิจกรรมในส่วนสมอง ที่เกี่ยวข้องกับการผูกพันลึกซึ้งกับอีกบุคคลหนึ่ง ไม่น่าแปลกเลยที่ผู้คนถึงได้ทนทุกข์ไปทั่วโลก และมีอาชญากรรมที่เกิดจากความรักความหึงหวง เมื่อถูกปฏิเสธรัก คุณไม่เพียงแค่ถูกกลืนด้วยความรู้สึกรักโรแมนติค แต่คุณยังรู้สึกผูกพันลึกซึ้งกับคนนั้น ยิ่งไปกว่านั้น วงจรสมองสำหรับการให้รางวัลก็ยังทำงาน และคุณก็รู้สึกได้ถึงพลัง และสมาธิที่แรงกล้า มีแรงจูงใจที่ชัดเจน และความตั้งใจที่จะยอมเสี่ยงทุกอย่าง เพื่อที่จะได้มาซึ่งรางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต


07:41
แล้วฉันได้เรียนรู้อะไรจากการทดลองนี้ ที่ฉันอยากจะบอกให้โลกรู้ ที่สำคัญที่สุด ฉันได้คิดว่า รักโรแมนติคเป็นแรงขับ แรงขับพื้นฐานทางการสืบพันธุ์ ไม่ใช่แรงขับทางเพศ แรงขับทางเพศทำให้คุณกล้าออกไป ค้นหาเหล่าผู้คนหลายจำพวกเพื่อเป็นคู่นอน รักโรแมนติคทำให้คุณรวมพลังการสืบพันธุ์ของคุณ แค่ทีละครั้ง สงวนรักษาพลังการสืบพันธุ์ และเริ่มกระบวนการสืบพันธุ์กับคนนั้นเพียงคนเดียว ฉันคิดว่าจากบทกลอนรักโรแมนติค ทั้งหมดที่ฉันได้อ่านมานั้น มีบทหนึ่งที่สรุปได้ดีที่สุด โดย เพลโต เมื่อกว่า 2,000 ปีที่แล้ว เขากล่าวว่า "เทพเจ้าแห่งความรัก มีชีวิตอยู่ในภาวะแห่งความจำเป็น มันเป็นความจำเป็นต้องมี มันคือแรงกระตุ้น มันคือภาวะไม่สมดุลในร่างกายมนุษย์ ดังเช่นความหิว และความกระหาย เกือบเป็นไปไม่ได้ที่จะดับมันลงไป" ฉันยังได้เกิดความเชื่อว่ารักโรแมนติคเป็นการเสพติด เป็นการเสพติดที่แสนวิเศษถ้ามันเป็นไปได้ด้วยดี และเป็นการเสพติดที่สุดแย่ถ้ามันเป็นไปอย่างไม่ดีนัก


08:38
และจริงๆ แล้ว มันก็มีลักษณะทุกอย่างของการเสพติด คุณพุ่งเป้าไปที่คนคนเดียว คุณคิดถึงเขาอย่างหมกมุ่น คุณโหยหาเขา คุณบิดเบือนความจริง คุณเต็มใจเสี่ยงครั้งใหญ่เพื่อให้ได้คนคนนี้มา ซึ่งมันมีลักษณะหลักๆ ของการเสพติดอยู่สามลักษณะ ความอดกลั้น คุณจำเป็นต้องเจอเขามากขึ้น และมากขึ้นเรื่อยๆ การถอน และ การคืนสู่สภาพเดิม ฉันมีเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งที่เพิ่งพ้นความรักแย่ๆ มาได้ ผ่านมาได้ประมาณแปดเดือน เธอเริ่มจะรู้สึกดีขึ้น แล้ววันหนึ่ง เธอกำลังขับรถ แล้วเธอก็ได้ยินเพลงเพลงหนึ่งจากวิทยุ ซึ่งทำให้เธอหวนคิดถึงเขา และไม่เพียงแค่ความโหยหาที่กลับมาในทันใด แต่เธอถึงกับต้องจอดรถ ไว้ข้างทางและร้องไห้ อย่างหนึ่งที่ฉันอยากจะให้วงการแพทย์ วงการทางกฎหมาย และแม้แต่วงการการศึกษา ลองทำความเข้าใจดูว่า จริงๆ แล้ว รักโรแมนติคเป็นหนึ่งในสารที่เสพติดได้มากที่สุดในโลก


09:30
ฉันยังอยากจะบอกโลกว่าสัตว์ก็มีความรัก ไม่มีสัตว์ชนิดใดบนโลกนี้ ที่จะมีเพศสัมพันธ์กับอะไรก็ได้ที่ผ่านมา แก่ไป เด็กไป สกปรกไป โง่ไป พวกมันก็ทำไม่ได้ นอกจากว่าคุณจะติดอยู่ในกรงของห้องแล็บ และถ้าหากคุณต้องใช้ทั้งชีวิตอยู่ในกล่องเล็กๆ คุณก็คงจะเลือกมากไม่ได้ว่าจะมีเพศสัมพันธ์กับใคร แต่ฉันได้ลองสำรวจหนึ่งร้อยสายพันธุ์ และในทุกพื้นที่ป่า สัตว์ต่างๆ ก็มีขวัญใจของพวกมัน อันที่จริงแล้วนักศึกษาพฤติกรรมสัตว์ก็รู้เรื่องนี้ดี มีคำมากกว่าแปดคำสำหรับสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าเป็น "ความชอบพอส่วนตัวของสัตว์" พฤติกรรมการผสมพันธุ์แบบคัดเลือก, การเลือกคู่ผสมพันธุ์, การเลือกตัวเมีย, การเลือกเกี่ยวกับเพศ และจริงๆ แล้ว ตอนนี้มีบทความทางวิชาการสามบทความ เกี่ยวกับการศึกษาแรงดึงดูดนี้ ซึ่งถึงแม้มันจะเกิดขึ้นเพียงวินาทีเดียว แต่มันเป็นแรงดึงดูดที่ชัดเจน และทั้งสมองส่วนเดียวกันนี้ ระบบการให้รางวัลส่วนนี้ หรือสารเคมีจากระบบการให้รางวัลนั้น ต่างก็มีส่วนเกี่ยวข้อง อันที่จริง ฉันคิดว่าการถูกใจกันของสัตว์นั้น เกิดขึ้นได้แบบฉับพลัน คุณจะเห็นว่าช้างตัวหนึ่ง อยู่ดีๆ ก็วิ่งเข้าหาช้างอีกตัวหนึ่งได้ทันที และฉันก็คิดว่านี่คือต้นกำเนิดที่แท้จริงของ สิ่งที่คุณและฉันเรียกว่า "รักแรกพบ"


10:36
มีคนถามฉันอยู่บ่อยๆ ว่า สิ่งที่ฉันได้เรียนรู้เกี่ยวกับความรัก ทำให้ฉันหมดอารมณ์กับความรักไหม ฉันก็ตอบแค่ว่า "แทบจะไม่ค่ะ" คุณอาจจะรู้ดีว่าเค้กช็อกโกแล็ตชิ้นนั้นมีส่วนผสมอะไรบ้าง แลัวตอนที่คุณนั่งลงและกินเค้กชิ้นนั้น คุณก็ยังดื่มด่ำกับรสชาติของมันได้อยู่ และแน่นอนว่า ฉันก็ทำสิ่งผิดพลาด เช่นเดียวกับที่คนอื่นๆ ทำ แต่มันทำให้ความเข้าใจ และความเห็นอกเห็นใจ ต่อชีวิตมนุษย์ที่ฉันมี ยิ่งลึกซึ้งมากขึ้น ความจริงแล้ว ในนิวยอร์ค ฉันมักจะพบว่าตัวเอง มองเด็กทารกในรถเข็น และรู้สึกสงสารเด็กเหล่านั้น และบ่อยครั้งที่ฉันรู้สึกสงสาร ไก่ที่กลายมาเป็นอาหารเย็นในจานของฉัน เมื่อคิดถึงว่าระบบสมองนี้มันเข้มข้นรุนแรงขนาดไหน การทดลองครั้งล่าสุดของเรากำลังฟักตัว โดยเพื่อนร่วมงานของฉัน อาร์ต อารอน เขานำกลุ่มคนที่รายงานไว้ว่าพวกเขายังคงมีความรัก ในความสัมพันธ์ระยะยาว เข้าเครื่องเอ็มอาร์ไอ ตอนนี้เราสแกนไปแล้วห้าคน และก็จริงๆ เราได้ค้นพบสิ่งเดียวกันเป๊ะ พวกเขาไม่ได้โกหก พื้นที่สมอง ที่เกี่ยวข้องกับรักโรแมนติคที่ดุเดือด ยังคงทำงานอยู่ หลังจากผ่านไปแล้ว 25 ปี


11:54
มีอีกหลายคำถามที่ยังคงต้องการคำตอบ และยังต้องถามต่อไป เกี่ยวกับรักโรแมนติค คำถามที่ฉันกำลังศึกษาอยู่ ณ นาทีนี้ -- และฉันก็จะพูดถึงแค่วินาทีเดียว แล้วก็เลิก -- นั่นก็คือ ทำไมคุณถึงตกหลุมรักคนคนหนึ่ง แทนที่จะเป็นคนอื่น ฉันเกือบจะไม่ได้คิดถึงประเด็นนี้เลย ถ้าไม่ใช่เพราะเว็บหาคู่ match.com ได้มาหาฉันเมื่อสามปีที่แล้ว และถามคำถามนั้น และฉันก็บอกไปว่า ฉันไม่รู้ค่ะ ฉันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในสมอง ตอนที่คุณมีความรัก แต่ฉันไม่รู้ว่าทำไมคุณถึงหลงรักคนคนหนึ่ง แทนที่จะเป็นคนอื่น ฉันก็เลยใช้เวลาสามปีที่ผ่านมาศึกษาเกี่ยวกับประเด็นนี้ และมันก็มีเหตุผลมากมายเมื่อคุณจะหลงรักคนคนหนึ่ง แทนที่จะเป็นคนอื่น ที่นักจิตวิทยาจะบอกคุณได้ และเราก็มักจะตกหลุมรักคนที่ มาจากพื้นเพทางสังคมและเศรษฐกิจเดียวกัน มีระดับสติปัญญาเท่าๆ กัน มีระดับความหน้าตาดีพอๆ กัน มีค่านิยมทางศาสนาเหมือนๆ กัน แน่นอนว่า ประสบการณ์ในวัยเด็กก็มีบทบาท แต่ไม่มีใครรู้ว่ามีบทบาทอย่างไร และก็มีเท่านั้น นั่นคือทั้งหมดที่พวกเขารู้ ไม่ค่ะ พวกเขาไม่เคยค้นพบว่าคนสองคน จะเข้ากันได้ดีและเกิดเป็นความสัมพันธ์ที่ดีได้อย่างไร


12:51
มันก็เลยทำให้ฉันฉุกคิดได้ว่า ลักษณะทางชีววิทยาของคุณ อาจจะดึงตัวคุณ เข้าหาคนบางคน แทนที่จะเป็นคนอื่น และฉันก็ได้แต่งแบบสอบถามขึ้นมาเพื่อดูว่า คุณได้ส่งเอาโดปามีน เซโรโทนิน เอสโตรเจน และเทสโทสเตอโรน ออกมาในระดับไหน ฉันคิดว่าเราได้ค่อยๆ พัฒนาประเภทของบุคลิกไว้สี่ประเภทกว้างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสัดส่วนของสารเคมีในสมองสี่ตัวนี้ และในเว็บหาคู่นี้ ฉันก็ได้สร้าง chemistry.com ฉันจะถามคำถามคุณชุดหนึ่งก่อน เพื่อดูว่าคุณได้ส่งสารเคมีเหล่านี้ออกมาในระดับไหน และฉันก็เฝ้าดูว่าใครเลือกที่จะรักใคร และมี 3.7 ล้านคนในอเมริกาทำแบบทดสอบนี้ อีกประมาณ 600,000 คน ทำจากประเทศอื่น 33 ประเทศ ตอนนี้ฉันกำลังรวบรวมข้อมูล และเมื่อถืงจุดๆ หนึ่ง -- ความรักมักจะมีมนตราเสมอ แต่ฉันคิดว่าฉันเกือบจะทำความเข้าใจได้แล้ว ว่าทำไม ตอนที่คุณเดินเข้ามาในห้อง และทุกคนในห้องนั้นก็มาจากพื้นเพเดียวกับคุณ มีระดับสติปัญญาเดียวกันกับคุณ มีระดับความหน้าตาดีพอๆ กับคุณ แต่คุณก็ไม่ได้รู้สึกถูกใจทุกคนในห้องนั้น ฉันคิดว่ามันมีเรื่องชีววิทยามาเกี่ยวข้อง ฉันคิดว่าอีกสองสามปี เราจะลงเอยที่ ความเข้าใจเกี่ยวกับกลไกของสมองหลายๆ ชนิด ที่ดึงดูดเราเข้าหาคนคนหนึ่ง แทนที่จะเป็นคนอื่น


14:06
ฉันก็จะขอจบด้วยเรื่องนี้ นี่คือเหล่าผู้อาวุโสของฉัน โฟล์คเนอร์เคยกล่าวไว้ว่า "อดีตนั้นไม่ตาย ม้นไม่ได้เป็นแม้แต่อดีต" ซึ่งก็จริง เราต่างหอบหิ้วสัมภาระ จากเมื่อปีมะโว้เอาไว้ในสมอง มันก็เลยมีสิ่งหนึ่ง ที่ทำให้ฉันแสวงหาความเข้าใจเกี่ยวกับ ธรรมชาติของมนุษย์ และนี่ก็ทำให้ฉันนึกถึงมันขึ้นมาได้ นี่คือผู้หญิงสองคน ผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะเกิดความใกล้ชิดแตกต่างจากผู้ชาย ผู้หญิงเกิดความใกล้ชิดจากการพูดคุยแบบต่อหน้า เราต่างหมุนเข้าหากัน เราทำสิ่งที่เราเรียกว่า "ตามองตา" และเราคุยกัน นี่คือความใกล้ชิดสำหรับผู้หญิง ฉันคิดว่ามันมาจากหลายล้านปี ของการอุ้มเด็กทารกไว้ตรงหน้า หยอกล้อกับเด็ก ดุด่าว่าเด็ก สั่งสอนเด็กด้วยคำพูด ผู้ชายมีแนวโน้มที่จะเกิดความใกล้ชิดจากด้านข้าง (เสียงหัวเราะ) ทันทีที่ชายคนหนึ่งเงยหน้ามอง ชายอีกคนก็จะหันไปทางอื่น (เสียงหัวเราะ) ฉันคิดว่ามันมาจากหลายล้านปี ของการยืนอยู่ข้างหลัง -- นั่งอยู่หลังพุ่มไม้ มองตรงไปข้างหน้า พยายามทุบหัวควายตัวนั้นด้วยก้อนหิน (เสียงหัวเราะ) ฉันคิดว่า เป็นเวลาหลายล้านปี ผู้ชายต่างเผชิญหน้ากับศัตรู และนั่งเคียงข้างกับเพื่อนฝูง ดังนั้น สิ่งที่ฉันจะกล่าวทิ้งท้ายคือ ความรักมีอยู่ในตัวของพวกเรา มันถูกฝังอยู่ลึกๆ ในสมอง ความท้าทายของเราก็คือ การทำความเข้าใจกันและกัน ขอบคุณค่ะ (เสียงปรบมือ)

(Credit ข้อมูล : Youtube.com , Ted.com )